ปีศาจรัตติการ...ดราคูลา

 เข้าสู่ระบบ - สมัครสมาชิก    |  
 

 

(Root) 200975_41897.gif

ตำนานแดรกคูลา

(Root) 200974_81775.jpg

 

     หลายคนคงเคยได้ยินได้ฟัง ตำนานเกี่ยวกับท่านเคาท์แดร็กคิวล่า แห่งประสาทผีสิง เรามาลองทำความรู้จักที่มาของตำนานดังกล่าวแบบคร่าวๆ กันเถอะ เรื่องมีอยู่ว่า แดร็กคิวล่าเป็นเจ้าชายครองแคว้นวาลาเซียในทรานซิเวเนีย หรือโรมาเนียในปัจจุบันนั่นเอง ว่ากันว่าในสมัยก่อนเมืองดังกล่าวการสืบบัลลังก์ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นสายเลือดเดียวกัน แต่มาจากการเลือกตั้งของเหล่าขุนนางผู้เป็นเจ้าของที่ดินในตระกูลต่างๆ ดังนั้นเรียกว่าการเกิดศึกชิงบัลลังก์ก็มีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง การฆ่าฟันกันก็เป็นเรื่องธรรมดาๆ ของราชวงศ์วาลาเซียไปเลย

    ในปี ค.ศ.1310 ต้นตระกูลของเจ้าชายวล้าด คือ เจ้าชายบาซาราบมหาราชได้กอบกู้เอกราชให้กับแคว้นวาลาเซียได้จากการรุกรานของชาวฮังการี และได้ปกครองแคว้นอยู่ราว 42 ปี ต่อมาเจ้าชายเมียร์ซี ปู่ของเจ้าชายวล้าดได้นำทัพออกไปสู้รบกับชาวเติร์ก จนได้รับความพ่ายแพ้อยู่บ่อยครั้ง จนทำให้ตกอยู่ภายใต้อาณัติของอาณาจักรออตโตมาน เหตุการณ์ต่างๆ ได้ดำเนินจากรุ่นสู่รุ่นจนในที่สุดศึกชิงบัลลังก์ก็เกิดขึ้นอย่างรุนแรง มีข่าวการลอบสังหารอยู่บ่อยครั้ง จนทำให้ตระกูลของบาซาราบนั้นต้องยกสายเลือดออกเป็น 2 สาย คือ สายเมียร์ซี และสายแดนเนสติ

    ในที่สุดพ่อของท่านชายแดร็กคิวล่าก็สามารถยึดบัลลังก์ได้สำเร็จ โดยออกไปสู้รบกับเผ่าเติร์กโดยไม่เกรงกลัวความชั่วร้ายและร้ายกาจของพวกชาวเติร์กแต่อย่างใด จนทำให้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักจนได้รับฉายาว่า      “ดราดูล” ซึ่งหมายถึงมังกร

     จนกระทั่งในปี 1431 แดร็กคิวล่าน้อยก็ได้กำเนิด เขามีความสามารถในด้านการรบเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าเชื้อไม่ทิ้งแถวเลยทีเดีย ทำให้ได้รับฉายาว่าเป็น แดร็กคิวล่า ซึ่งหมายถึงบุตรของมังกร แต่ฝ่ายเยอรมัน แซ็กซอน ซึ่งเป็นศัตรูคู่อาฆาตกลับให้ฉายาแก่เขาว่า บุตรของปีศาจ ซึ่งเขาสามารถฆ่าทายาทของอีกสายตระกูล จนได้ขึ้นครองราชย์เป็นเจ้าชายวล้าดที่ 2 การที่เขาต้องเป็นคนที่เลือดเย็นก็อาจเป็นเพราะในช่วง     ค.ศ.1444 เติร์กกับฮังการีได้เปิดสงคราวที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด ตระกูลของแดร็กคิวล่าต้องเสียเปรียบในทุกด้าน ทำให้อำนาจที่มีอยู่นั้นต้องเสียไปในวัย 13 ปี จากนั้นเรียกได้ว่าเป็นจุดพลิกผันให้แดร็กคิวล่าถูกส่งไปอยู่ในเอเดรียนเปิลนานถึง 4 ปี ในฐานะตัวประกัน

    จากเหตุการณ์ที่ต้องถูกส่งไปเป็นตัวประกันดังกล่าว ทำให้เขาต้องอยู่ในความโหดร้ายของผู้คนรอบข้าง ที่ต้องชิงดีชิงเด่นระหว่างญาติพี่น้อง การฆ่าฟันกันเป็นเรื่องปกติที่มีให้เห็นทั่วไป จนทำให้เขาสะสมความกลัวต่างๆ เหล่านี้เปลี่ยนมาเป็นความเลือดเย็น จนในที่สุดปี 1456 เขาก็ได้กลับมาประกาศศักดินาของตัวเองกลับคืนมาอีกครั้ง หลังจากที่เขาสามารถช่วงชิงบัลลังก์จากความชุลมุนในการฆ่าฟันกันเพื่อแย่งชิงบัลลังก์ดังกล่าว เขาทำสำเร็จได้ครองบัลลังก์อีกครั้ง และสถาปนาตนเป็นผู้ครองวาลาเซียในนามวล้าดที่ 3 และได้ทำการตั้งชื่อเมืองหลวงว่าทรีโกวิสต์ เท่านั้นยังไม่พอแดร็กคิวล่าได้ทำการสร้างปราสาทและรูปปั้นของตนเองเพื่อประกาศแสนยานุภาพของตนเองให้เป็นที่เลื่องลืออีกด้วย

    จากความโหดร้ายและเลือดเย็นของเขานั้น ทำให้วิสัยทัศน์ในการปกครองแบบปิดประเทศ และมีนโยบายแก้ไขปัญหาที่เลือดเย็น เนื่องจากว่าเป็นคนที่ชอบความรุนแรงสะใจถึงพริกถึงขิง โดยไม่สนต่อศีลธรรม เขาใช้วิธีแก้ปัญหาพวกขอทานและคนป่วยอย่างป่าเถื่อนที่สุด นั่นคือเขาได้เชิญขอทานและคนป่วยเหล่านั้นเข้ามาพบ แล้วตั้งคำถามถามคนเหล่านั้นว่า “ท่านอยากเป็นคนที่ถูกละเลยและทอดทิ้งหรือไม่” แน่นอนหากเราเป็น 1 ในบรรดาขอทานหรือคนป่วย เราต้องตอบว่าไม่ เพราะแต่ละคนก็ต้องการคนดูแลเอาใจใส่ตนทั้งนั้น แต่เมื่อชาวบ้านเหล่านั้นตอบว่า “ไม่” เพียงคำเดียวเท่านี้ แดร็กคิวล่าก็สั่งให้เผาผู้คนเหล่านี้ทั้งเป็น ด้วยเหตุผลที่ว่าจะได้ไม่มีคนจนและคนป่วยให้เป็นปัญหาของบ้านเมือง โอ้! พระเจ้า สุดยอดวิธีแก้ปัญหาเลย... จนทำให้เป็นที่เลื่องลือกันว่า แดร็กคิวล่าผู้นี้ชอบนั่งทานข้าวท่ามกลางการประหารชีวิตผู้คนที่เป็นปัญหาเหล่านี้ มื้อแล้วมื้อเล่านับได้ราวๆ 40,000 – 100,000 คนเลยทีเดียว

    จากความเลือดเย็นดังกล่าวนี่เองทำให้เจ้าชายวล้าดได้รับฉายาเป็นผีดูดเลือดที่รู้จักกันในนามเจ้าชายวล้าดที่ 3 หรือเจ้าชายวล้าด เทเปส นั่นเอง แต่ถึงอย่างไรก็ตามความโหดเหี้ยมก็ต้องมีอันต้องยุติลง หรือจะเรียกว่าบริวารเป็นพิษก็ว่าได้ เนื่องจากในปี 1476 ระหว่างที่ถูกข้าศึกชาวเติร์กโจมตีดินแดนนั่งเอง แดร็กคิวล่าก็ได้ถูกลอบสังหาร โดยว่ากันว่าคนที่สังหารเขาก็คือข้าทาสบริวารของเขานั่นเอง แดร็กคิวล่าจบชีวิตลงที่เมืองบูดาเรสต์ เมื่อข่าวการเสียชีวิตของแดร็กคิวล่าได้ล่วงรู้ถึงหูพระราชาของชาวเติร์ก พระราชาดังกล่าวจึงสั่งให้ตัดหัวของแดร็กคิวล่าแขวนไว้ที่คอนสแตนติโนเปิล ส่วนร่างให้แยกไปฝังที่ตรงเกาะของตระกูลสนากอฟ ที่แดร็กคิวล่าเคยให้การอุปถัมภ์

    และแล้วตำนานแห่งแดร็กคิวล่าก็ได้กำเนิดขึ้นอีกครั้งเมื่อ ค.ศ. 1931 ได้มีการขุดค้นอุโมงค์บนเกาะดังกล่าว กลับพบว่าไม่มีโลงศพของท่านเคาน์แดร็กคิวล่าผู้เลือดเย็นคนนี้ จนทำให้เป็นที่เล่าขาน จนเกิดเป็นตำนานอันน่ากลัวจนกระทั่งถึงปัจจุบัน

   ถึงแม้ว่าตำนานของแดร็กคิวล่าจะเป็นเพียงตำนานที่เล่าขานกันมา จนทำให้ผู้สร้างภาพยนต์นำมาสร้างเป็นหนังให้เราได้ชมกันนั้น บวกกับจินตนาการที่ผู้สร้างได้แต่งแต้มเข้าไป จนทำให้เกิดเป็นเรื่องราวที่น่ากลัวของแดร็กคิวล่าผู้หิวกระหายเลือด อันน่าสะพรึงกลัวในบ้านผีสิงหรือปราสาทผีสิงนั้นจะมาจากตำนานของเจ้าชายที่เป็นคนที่มีความเย็นชาในการสังหารผู้คนโดยไม่สนต่อศีลธรรมใดๆ ก็ตาม แต่ถึงอย่างไรก็ตามคงไม่มีใครอยากที่จะลอกเลียนแบบความพิสดาสของเขาคนนี้แน่นอน เขาคนนี้ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนที่เลือดเย็นเกินคนธรรมดาจริงๆ

การที่ผู้เขียนได้เล่าถึงตำนานของท่านแดร็กคิวล่าไม่ได้หมายความว่าให้ทุกคนเป็นคนที่เลือดเย็น แต่อยากจะเตือนสติทุกคนว่า ควรอยู่กับคนอื่นโดยไม่เบียดเบียน ยอมรับฟังปัญหาของผู้อื่น และพยายามหาทางแก้ไขดีกว่าการแก้ปัญหาโดยเบ็ดเสร็จ ไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมาในอนาคต ซึ่งหากทุกคนเผด็จการแล้วความสงบสุขจะเกิดขึ้นได้อย่างไร...

 (Root) 200975_41796.gif

 

 

 

 

 

 

 

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

http://www.matichon.co.th/youth/youth.php?tagsub=1313&ta...

และคุณศิริพร กองเปง

 











เพลงอื่นๆ กดเลย

Advertising Zone    Close

Online: 1 Visits: 23,535 Today: 5 PageView/Month: 15

ด้วยความปราถนาดีจาก "สยามทูเว็บดอทคอม" และเพื่อป้องกันการเปิดเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงขายของ โปรดตรวจสอบร้านค้าให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อของทุกครั้งนะคะ    อ่านเพิ่มเติม ...