ปีศาจรัตติการ...ดราคูลา

 เข้าสู่ระบบ - สมัครสมาชิก    |  
 

(Root) 200975_41897.gif

แดร็กคูล่าไม่ได้เกิดในทรานซิลเวเนียจริงหรือ?

 

(Root) 200974_82055.jpg

                เรื่องรางของแดร็กคูล่าเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันมาโดยนักวิชาการ หลายคนว่า แดร็กคูล่า มีแหล่งกำเนิดมาจากไหนกันแน่ คนส่วนมากเชื่อว่า "แบรม สโตเกอร์" เขียนเรื่อง แดร็กคูล่า ขึ้นเพราะได้รับแรงบันดาลใจจากเจ้าชาย วลาด ดารคูลา แต่มีนักวิชาการที่จริงจังกับเรื่องนี้(บ้าเรื่องนี้ มั้ง)ออกมาแย้ง เขาอ้างว่า บราม สโตเกอร์ ไม่มีความรู้เรื่อง วลาด ดารคูลา เลย และเขาอาจเคยผ่านหูผ่านตา "The history of Ireland" มาพอควรจนเกิดแนวความคิดที่จะแต่งนิยายขึ้น แต่ความจริงจะเป็นเช่นใดคงยังไม่มีใครพิสูจน์ได้แน่นอน

ส่วนนี้คือข้อสันนิษฐานว่าแดร็กคูล่าไม่ได้เกิดในทรามซิลเวเนีย

1.       วลาด ดารคูลาและวลาด ดราคูลไม่ได้ชื่อปีศาจ ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนตั้งชื่อลูกว่าปีศาจหรอก ซึ่งดราคูลา แปลว่าลูกมังกร ส่วนดราคูลแปลว่า มังกรต่างหาก

2.       สโตเกอร์ไม่เคยไปยุโรปตะวันออก และเป็นไปได้สูงว่านอกจากชื่อและสถานที่แล้ว เขาไม่รู้ประวัติกับวลาด ดราคูลาสักนิด และส่วนที่อ้างว่าทั้งสองมีความเชื่อมโยงกันนั้นล้วนเป็นผลงานของนักวิชาการจอมปลอมทั้งสิ้น

3.       แต่ที่รู้แน่ๆ คือ แบรม สโตเกอร์ แต่งเรื่องนี้ขึ้น โดยรับแรงบันดาลใจจากการกินปูผัดผงกระหรี่ของภรรยามากเกินไปจนฝันร้าย

4.       แบรม สโตเกอร์ ไม่ได้บอกอะไรทั้งสิ้นว่ารับแรงบรรดาใจแดร็กคูล่ามาจากประวัติของวลาด ดารคูลาและวลาด ดราคูล

ตำนานแวมไพร์ (Root) 200975_41370.gif
   ตำนานแวมไพร์มีมานานนับเป็นพัน ๆ ปี เรียกว่าอยู่คู่กับประวัติศาสตร์มนุษย์ก็คงจะได้ แวมไพร์มิได้หมายถึงผีดูดเลือดแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ชนชาติต่างๆทั่วโลกต่างก็มีแวมไพร์ในแบบฉบับของตัวเอง ไล่ไปตั้งแต่แวมไพร์ฝรั่งผมบลอนด์ แวมไพร์จีน แวมไพร์ญี่ปุ่น ไปจนถึงแวมไพร์มาเลเซีย แบบที่เรียกกันว่า "เพนังกะลัง"

   อย่างไรก็ตาม แวมไพร์ที่เรา ๆ ท่าน ๆ คุ้นเคยกัน ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่จะกลายพันธุ์และภาพลักษณ์ไปหมด ทั้งนี้อาจจะเนื่องมาจากอิทธิพลของหนังสือและภาพยนต์ ซึ่งร้อยทั้งร้อยล้วนมาจากยุโรปและอเมริกาทั้งสิ้น จุดกำเนิดของตำนานแวมไพร์มาจากตะวันออกไกล กระจายมาโดยผ่านเส้นทางจากจีน - ธิเบต - อินเดีย - ผ่านเส้นทางที่เรียกกันว่าทางสายไหมเข้าสู่แถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ตำนานนี้กระจายไปทั่วประเทศแถบทะเลดำ คาบสมุทรบอลข่าน รวมไปถึงฮังการี่ และดินแดนที่เราคุ้นเคยกัน … ทรานซิลวาเนีย 

  ปัจจุบัน แวมไพร์ในความนึกคิดของเรามักจะเป็นไปในแนวของปีศาจดูดเลือด , ผู้ที่ฟื้นคืนชีพจากความตาย , ดำรงชีวิตได้เฉพาะยามค่ำคืน , สามารถกลายร่างเป็นค้างคาวได้ … คุณสมบัติพวกนี้เป็นแวมไพร์ของยุโรปและในหนังผี จริงๆแล้วแวมไพร์มีคุณสมบัติที่หลากหลายแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ เรามาดูกันดีกว่าว่าแวมไพร์ของแต่ละชนชาตินั้นเป็นอย่างไร

SLAVIC VAMPIRES
   ชาวสลาฟเป็นชาติที่ร่ำรวยเรื่องราวเกี่ยวกับแวมไพร์มากที่สุดในยุโรปตะวันออก ดินแดนนี้กินพื้นที่ตั้งแต่ รัสเซีย บุลแกเรีย เซอร์เบียร์ จนกระทั่งถึงโปแลนด์ ความเชื่อพวกนี้ฝังรกรากมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 แหล่งชุมนุมแวมไพร์ที่ใหญ่ที่สุดจะอยู่ที่ เมือง Magyars ซึ่งปัจจุบันเป็นพรมแดนต่อกันระหว่างประเทศฮังการีกับโรมาเนีย คำว่าแวมไพร์ก็มาจากภาษาของพวกเขานี่แหละ แวมไพร์พวกนี้จะมีเล็บมือและผมที่ทั้งยาวทั้งสกปรก มุมปากมีคราบเลือดเกรอะกรัง ไม่ชอบสุงสิงกับผู้คน วิธีการปราบแวมไพร์ของชาวสลาฟก็คือจับทำบาร์บีคิว (เผาทั้งเป็น) หรือไม่ก็พรมน้ำมนต์ที่ได้มาจากโบสถ์ใส่พวกมันก็ได้

 

ROMANIA
   เนื่องจากโรมาเนียถูกแวดล้อมไปด้วยประเทศของชนชาติสลาฟ จึงไม่น่าแปลกใจเลย ว่าแวมไพร์ของพวกเค้าจะกระเดียดไปทางแวมไพร์เชื่อสายสลาฟนิด ๆ ภาษาพื้นเมืองของโรมาเนียนั้น เรียกแวมไพร์ว่า "Strigoi" อาจจะหมายถึง "นกฮูกแก่ ๆ" หรือ "ปีศาจ" ก็ได้ทั้งนั้น

  Strigoi มีอยู่หลายประเภทด้วยกัน Strigoi ส่วนมากคือพวกผู้ใช้คาถา ซึ่งจะกลายเป็นแวมไพร์เมื่อตายแล้ว เจ้า Strigoi พวกนี้จะถอดวิญญาณออกจากร่างไปเพื่อชุมนุมกันในคืนพระจันทร์เต็มดวง หรือไม่ก็ออกตระเวนดูดเลือด ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสมาชิกในครอบครัวหรือไม่ก็เพื่อนบ้านใกล้เคียง

  คนที่เกิดมาโดยมีสัญลักษณ์ของปีศาจ (มีหาง เขี้ยวงอก ขนดกรุงรัง) หรือคนที่ตายอย่างผิดธรรมชาติ หรือตายโดยที่ยังไม่ได้ทำพิธีรับศีล พวกนี้มีสิทธิจะเป็นแวมไพร์ได้ทั้งนั้น ถ้าครอบครัวไหนมีลูกเพศเดียวกันถึงเจ็ดคน คนที่เจ็ดนั่นแหละ แวมไพร์มาเกิด พวกผู้หญิงแถวนั้นเวลาท้องพวกเธอต้องกินเกลือเพื่อป้องกันลูกที่อยู่ในครรภ์ ส่วนพวกสุดท้ายที่มีสิทธิเป็นแวมไพร์ชัวร์ ๆ คือ พวกที่โดนแวมไพร์กัดเอา


  ว่ากันว่าแวมไพร์นั้นจะแหวกหลุมศพขึ้นมาบนพื้นโลกเมื่อถึงเวลาอันควร มันมีใบหน้าที่ซีดเซียว ลมหายใจเหม็นเปรี้ยว และไม่ยอมแตะต้องอาหารที่มีส่วนประกอบของกระเทียมอย่างเด็ดขาด บ้านใดที่สงสัยว่าสมาชิกในครอบครัวที่เสียชีวิตไปแล้วจะกลายเป็นแวมไพร์มักจะไปเปิดหลุมศพดูว่าศพยังอยู่หรือไม่ เค้ามีเวลาในการสำรวจหลุมศพด้วย ถ้าเป็นเด็กก็สามปีหลังการตาย ห้าปีสำหรับหนุ่มสาว และเจ็ดปีถึงจะเปิดสำหรับผู้ใหญ่ที่โตแล้ว

  วิธีสังหารแวมไพร์ดูจะคล้าย ๆ กันทุกที่ กล่าวคือ เมื่อชาวโรมาเนียพบหรือสงสัยว่าใครเป็นแวมไพร์ จะโดนจับเอากระเทียมยัดจนเต็มปากแล้วเอามาเผาไฟ หลุมศพใดที่ต้องสงสัยว่าเป็นแหล่งพำนักกายของแวมไพร์ ก็จะมีการยิงกระสุนเงินทะลุฝาโลงเข้าไป ถ้าถูกแจ็คพอทเจอแวมไพร์ โลงนั้นจะมีไฟลุกพรึ่บดูสวยงามทีเดียวเชียว

GYPSIES AND VAMPIRES
    สำหรับคอหนังแล้ว ยิปซีดูจะเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับหนังผีดูดเลือดเลยจริงๆ เรียกได้ว่าเป็นดารารับเชิญมันทุกเรื่องไป ในตำนานก็เช่นกัน ยิปซีมีบทบาทกับแวมไพร์อย่างใกล้ชิด วรรณกรรมชื่อดังของ บราม สโตเกอร์ ที่ชื่อ"แดร็คคิวล่า"นั้น ก็ได้กล่าวถึงสาวยิปซีที่คอยดูแลโลงของแดร็คคิวล่าอย่างจงรักภักดี

   ในความเป็นจริง ชาวยิปซีมีต้นกำเนิดมาจากอินเดียทางตอนเหนือ และอพยพย้ายถิ่นฐานเรื่อยมาจนเข้ามาถึงยุโรปราวๆศตวรรษที่ 14 ไล่เลี่ยกันกับการถือกำเนิดของจอมทรราชย์ "วลาด แดร็คคิวล่า" ครับ ความเชื่อทางศาสนาและพิธีกรรมอันเร้นลับของชาวยิปซีมีอิทธิพลกับยุโรปในตอนนั้นไม่น้อย โดยเฉพาะความเชื่อเรื่องวิญญาณและโลกหลังความตาย ไม่นานนัก ตำนานต่างๆที่เล่าขานกันมาในหมู่ยิปซีก็ถูกผนวกเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องเล่าของยุโรปแถบโรมาเนียและตุรกีแน่นอน เรื่องเหล่านี้รวมเรื่องแวมไพร์เข้าไปด้วย

   บ้านเดิมของเหล่ายิปซี อินเดีย แหล่งรวมแห่งปรัชญาตะวันออก ที่นี่มีเรื่องเล่าลือและตำนานเกี่ยวกับสิ่งที่คล้ายแวมไพร์อยู่มากมาย เป็นต้นว่า ภูต (Bhuta) วิญญานของคนที่ตายแบบผิดปกติชนิดวิญญาณยังสิงสู่อยู่ในร่าง ภูตเหล่านี้จะเดินท่อม ๆ ไปตามถนนสายเปลี่ยวในยามค่ำคืน คอยทำร้ายและดื่มเลือดมนุษย์เป็นอาหาร

   แวมไพร์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของอินเดียเห็นจะได้แก่ "Kali" หรือ "เจ้าแม่กาลี" นั่นเอง นางนับเป็นภาคหนึ่งของพระแม่ทุรคา กาลีมีรูปร่างที่ดุร้าย สวมสายสังวาลย์ที่ทำจากหัวกะโหลก เจ้าแม่กาลีนี้เองที่เป็นต้นกำเนิดเรื่องราวของยิปซีแวมไพร์ เพราะความเชื่อและศรัทธาในตัวพระนางยังติดอยู่กับขาวยิปซีแม้ว่าพวกเขาจะข้ามน้ำข้ามทะเลย้ายรกรากมานับร้อยๆปีแล้วก็ตาม นามของกาลีจะเปลี่ยนไปตามการเรียกของยิปซีแต่ละสาย

  แวมไพร์ของชาวยิปซีมีอยู่ตัวหนึ่งชื่อ "มุลโล" มีพฤติกรรมที่น่าสนใจเอามาก ๆ อันว่าเจ้ามุลโลนี้ส่วนมากจะเป็นประเภทผีล้างแค้น กลับมาจากความตายเพื่อทวงหนี้จากศัตรูคู่แค้นด้วยการสูบเลือดเป็นอาหาร แวมไพร์ที่เป็นผู้หญิงยิ่งน่ากลัวใหญ่ พวกนี้สามารถมีชิวิตอย่างคนธรรมดาและดำรงชีพด้วยการกินเรี่ยวแรงสามีจนทำให้พวกเขากระปลกกระเปลี้ย แวมไพร์ของยิปซีนั้นไม่ได้มีแค่คนตายเท่านั้น สัตว์เลี้ยงหรือผักผลไม้ก็เป็นแวมไพร์ได้ทั้งนั้น ฟักทองและแตงกวาที่ถูกทิ้งไว้ในบ้านนาน ๆ โดยไม่มีใครกินนี่ก็ด้วย วันดีคืนดีมันจะเคลื่อนไหวได้เอง ส่งเสียงอึกทึกและมีเลือดหยดไหลออกมาเป็นทางดูน่าสยดสยองมาก

ค้างคาว
        หลายครั้งหลายคราวที่มีการพาดพิงถึงแวมไพร์ สมาชิกกิตมศักดิ์ที่มักจะโดนลากเข้ามามีเอี่ยวด้วยก็คือ "ค้างคาว" ไม่มีพยานหลักฐานใดๆมาพิสูจน์ได้ว่าแวมไพร์กับค้างคาวเกี่ยวข้องกันยังไง แต่กระนั้นตำนานของแวมไพร์และค้างคาวก็ยังมีคู่กันแบบแยกไม่ออกเหมือนกาแฟกับคอฟฟี่เมทนั่นเชียว
        ตำนานของค้างคาวมีมากมายกระจัดกระจายไปทุกซีกโลก ในแอฟริกาใต้ มีเรื่องเล่าของ "คามาโซตซ์" เจ้าแห่งค้างคาวที่อาศัยในถ้ำยักษ์ใต้พิภพ ในยุโรปเองค้างคาวและนกเค้าแมวมักจะถูกโยงใยเข้ากับเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติอยู่บ่อย ๆ นั่นคงเป็นเพราะเสียงของมันฟังดูน่ากลัวและพบเห็นได้เฉพาะตอนกลางคืน มนุษย์เรากลัวความมืดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เลยจับเอานกเค้าแมวและค้างคาวเหมารวมเข้าไปกับผู้ที่ชอบหลบเร้นในความมืด (ก็ผีนั่นแหละ) ซะเลย

     อีกสาเหตุหนึ่งที่ค้างคาวเข้ามายุ่งเกี่ยวกับตำนานแวมไพร์ น่าจะมาจากพฤติกรรมของมัน มีค้างคาวอยู่สามสปีชี่ส์ที่ดูดเลือดของสัตว์อื่นกินเป็นอาหาร ถิ่นฐานของพวกมันอยู่ในทวีปแอฟริกา เจ้าค้างคาวพวกนี้สร้างความหวาดกลัวให้กับทหารสเปนในยุคล่าอาณานิคมเป็นอย่างมาก เมื่อกลับมาถึงยุโรป ตำนานของค้างคาวดูดเลือดยิ่งถูกเติมสีใส่ไข่ให้น่าฟังโดยเหล่ากลาสี ค้างคาวเลยกลายเป็นส่วนหนึ่งของแวมไพร์ไปด้วยประการฉะนี้ แถมนับว่าความเชื่อนี้ก็มีแต่จะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แม้กระทั่งนักเขียนใหญ่อย่าง แบรม สโตเกอร์ กับ มัลคอม ไรห์เมอร์ก็ยังเอากับเขาด้วยเลย

 

 (Root) 200975_41823.gif


Advertising Zone    Close

Online: 1 Visits: 23,575 Today: 11 PageView/Month: 57

ด้วยความปราถนาดีจาก "สยามทูเว็บดอทคอม" และเพื่อป้องกันการเปิดเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงขายของ โปรดตรวจสอบร้านค้าให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อของทุกครั้งนะคะ    อ่านเพิ่มเติม ...